คำไว้อาลัย
แด่ รองศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. เทอด เทศประทีป
ด้วยความคิดถึงและความทรงจำที่ดียิ่ง
“อาจารย์เทอดครับ อาจารย์ทำอย่างไรถึงทำให้ได้บรรณารักษ์ชำนาญการระดับ 8 มาทำงานด้วยได้” เป็นคำถามที่อาจารย์เทอดเล่าให้ดิฉันฟัง เมื่อตอนตั้งคณะใหม่ๆ หลังจากที่อาคันตุกะจากกรุงเทพท่านหนึ่งกลับไปแล้ว ซึ่งคำตอบไม่จำเป็นต้องนำมากล่าวในที่นี้
โครงสร้างการบริหารของสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะแบ่งเป็น ห้องสมุดกลาง และห้องสมุดคณะ, สถาบันต่างๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งห้องสมุดคณะจะมีบรรณารักษ์ไปประจำทำงานบริหารและให้บริการห้องสมุดแก่นักศึกษา อาจารย์และบุคลากรของคณะ โดยคณะจะเป็นผู้สนับสนุนด้านงบประมาณดำเนินการ อาคารสถานที่และอื่นๆ หมายความว่าบรรณารักษ์จะสังกัดสำนักหอสมุด แต่ดำเนินการประสานงานกับคณะด้านการบริหารและดำเนินการต่างๆ
ในปีการศึกษา 2540 ภาคการศึกษาที่ 2 นักศึกษารุ่นแรกของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 50 คน ตอนนั้นอยู่ในฐานะนักศึกษาชั้นปีที่ 2 จะต้องเข้ามาเรียนที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ ที่วิทยาเขตดอยคำ ซึ่งตึกคณะสร้างเสร็จแล้ว อาจารย์เทอดในฐานะคณบดีคนแรกหรือคณบดีก่อตั้ง คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้บริหารคณะขณะนั้น ได้มีการออกแบบให้ อาคารห้องสมุดเป็นอาคารเอกเทศ ตั้งอยู่ระหว่างกลางกลุ่มอาคารเรียน อาคารงานบริหาร เพื่อความสะดวกสบายในการเข้าใช้ห้องสมุด ทั้งรูปแบบอาคารห้องสมุดยังเป็นรูปร่างของยุ้งข้าวอันหมายถึงอู่ข้าวอู่น้ำหรือศูนย์รวมแห่งปัญญา นั่นหมายถึงการเล็งเห็นความสำคัญของการดำเนินการห้องสมุดเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น อาจารย์เทอดได้วางหลักสูตร ให้มีกระบวนวิชาหนึ่งชื่อกระบวนวิขา Veterinary Intergrated Problem Solving (VIPS) หรือวิชาไขปัญหาบูรณาการทางสัตวแพทย์ เรียนกันตั้งแต่นักศึกษาชั้นปีที 2 ถึงชั้นปีที่ 5 (VIPS I – VIPS 4) ที่เน้นให้ นักศึกษาศึกษาค้นคว้าความรู้ด้วยตนเองจาปัญหาที่พบ มีอาจารย์ประจำกลุ่มคอยชี้แนะเท่านั้น อาจารย์เทอดได้สนับสนุนให้บรรณารักษ์สอนวิธีใช้ทรัพยากรห้องสมุด ฐานข้อมูลต่างๆ รวมทั้งโปรแกรมที่ใช้จัดการข้อมูลบรรณานุกรม เพื่อจะได้ค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองได้ วิชานี้ส่งเสริมให้นักศึกษานำเสนอผลการค้นคว้าแก้ไขปัญหาด้วยภาษาอังกฤษ ดิฉันเป็นบรรณารักษ์ของห้องสมุดคณะสัตวแพทยศาสตร์ จึงได้รับเกียรตินั้น
อาจารย์เทอด. มีความเป็นครูผู้ให้ความรู้ทั้งด้านวิชาการและการดำเนินชีวิต ดิฉันได้ฟังอาจารย์ให้โอวาทหรือให้ความรู้ในหลายโอกาส เช่น ในการกล่าวเปิดการประชุมวิชาการ การปฐมนิเทศนักศึกษา หรือการพูดคุยสนทนา ในเรื่องการพัฒนาท้องถิ่นและวัฒนธรรมล้านนาไปสู่สากล ตามแนวคิดที่ว่า “Think Globally Act Locally” อีกประการหนึ่งอาจารย์จะเน้นเรื่อง Valued Added คือการทำให้ตนเองมีคุณค่ามากขึ้นหรือโดดเด่น กว่าเดิม ในทุกๆ เรื่อง ด้วยการเพิ่มลักษณะพิเศษหรือจุดเด่นบางอย่างให้กับตนเอง เช่น สร้างความสามารถพิเศษ ขยันหาความรู้ ฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ กล้าแสดงออก เป็นต้น
อาจารย์เทอด สร้างเครือข่ายที่พร้อมสนับสนุนการทำงานของอาจารย์เป็นอย่างดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราจะเห็นว่ามีอาจารย์ชาวต่างประเทศและอาจารย์ผู้มีความรู้ความชำนาญเฉพาะทางต่างๆ จากสถาบันที่มีชื่อเสียงรับเชิญมาเป็นอาจารย์พิเศษ เสมอๆ เหมือนกับว่าอาจารย์เหล่านั้นนอกจากมาให้ความรู้แก่นักศึกษาในยามที่คณะยังขาดแคลนอาจารย์ที่มีความรู้และประสบการณ์แล้ว ยังได้มาเยี่ยมเยียนอาจารย์เทอดและอาจารย์คนอื่นๆ ที่ย้ายมาจากสถาบันเดิมด้วย
อาจารย์เทอด.เป็นผู้ที่เสียสละและรักงานด้านบุกเบิกจริงจัง ทั้งๆ ที่ขณะที่ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ราวปี 2536 ไปขอร้องให้อาจารย์มาเป็นผู้อำนวยการโครงการจัดตั้งคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และต่อมาเป็นคณบดีผู้ก่อตั้งคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น อาจารย์ดำรงตำแหน่งรองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในยุคแรกก่อตั้งคณะสัตวแพทศาสตร์ อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษารุ่นแรกๆ จะตระหนักดีว่า อาจารย์เทอดเป็นผู้วางรากฐานการทำงานของบุคลากร งานการเรียนการสอน งานวิจัย และงานบริการวิชาการของคณะสัตวแพทยศาสตร์ อาจารย์เทอดร่วมกับผู้บริหารคณะมีความพยายามนำสิ่งที่ดีที่สุดของโรงเรียนสัตวแพทยศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศมาดำเนินการให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดังนั้นนับเป็นความโชคดีของชาวคณะสัตวแพทยศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง เราอยู่กันแบบครอบครัว มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมวิชาการ จัดงานแต่งงานบุคลากร ของคณะ งานรื่นเริงสังสรรค์ที่คณะบ่อยๆ ทำให้พวกเราได้ทราบความสามารถหนึ่งของอาจารย์คือ อาจารย์ร้องเพลงไพเราะมาก เพลงที่อาจารย์เทอดชอบร้องประจำคือ เพลง My way, Release me เป็นต้น
ยุคแรกๆ ห้องอาหารของคณะยังไม่มี ทุกคนต้องนำอาหารมาจากบ้านหรือออกไปรับประทานข้างนอกคณะ ปีนั้นร้านข้าวแกงหน้าคณะยังขายราคาจานละ 10 บาท อาจารย์เทอดเห็นเป็นโอกาสที่ชาวคณะจะได้มีความสมัครสมานสามัคคีและไม่ต้องเสียเวลาออกไปหาอาหารรับประทานเอง จึงให้จัดเวรกันออกไปซื้ออาหาร และเฉลี่ยเงินค่าอาหารกันตามจ่ายจริง พวกเราจะสนุกสนานกันมาก และคิดหาร้านอาหารอร่อยๆ ที่จะไปซื้อมาบริการเมื่อถึงเวรของตัวเอง มีอาจารย์คนหนึ่ง ขอทำหน้าที่หุงข้าวทุกวันแทนการออกไปหาซื้ออาหารเนื่องจากไม่ถนัดหาร้านอาหาร กิจกรรมนี้ทำให้พวกเรารักสามัคคีกันมากขี้น อาจารย์เทอด พูดเสมอว่า บรรยากาศแบบนี้หายากนะ ต่อไปจะไม่มีอีกแล้ว
อาจารย์เทอดเป็นผู้บริหารที่มีจิตเมตตากรุณา เห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกคน ให้ความ เท่าเทียมแก่บุคคลผู้ใต้บังคับบัญชา ยกย่องชมเชยให้เกียรติทุกคน อาจารย์เทอดสามารถค้นหาความสามารถของแต่ละคน ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน และงานที่ตนกำลังทำอยู่นั้นตนเองมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ (Self of belonging) จึงทุ่มเททำงานให้กับคณะสัตวแพทยศาสตร์ อย่างเต็มความสามารถ ดิฉันคงจะเป็นคนหนึ่งที่เข้ามาทำงานที่คณะนี้ ยามที่คณะยังขาดคนทำงาน และหลงคำยกย่องชมเชยจากอาจารย์ จึงทุ่มเททำงานที่ได้รับมอบหมายให้ทำอย่างเต็มความสามารถนอกเหนือจากงานในหน้าที่ประจำ เช่น ทำหน้าที่ประธานกรรมการจัดประชุมวิชาการการเสนอผลงานปัญหาพิเศษของนักศึกษาชั้นปีที่ 6 ตั้งแต่เริ่มรุ่นแรก ปีการศึกษา 2544 จนถึงปี 2548 ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมต้องใช้ภาษาอังกฤษตลอดการประชุมวิชาการนี้ , ประธานการจัดการนำเสนอผลงานด้านโปสเตอร์ของนักศึกษาชั้นปีที่ 6 การจัดทำหนังสือที่ระลึกการเปิดตึกคณะ การจัดทำหนังสือที่ระลึการเปิดโรงพยาบาลสัตว์เล็ก การจัดทำห้องประวัติและพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น แต่อาจารย์เทอดไม่ได้ใช้งานคนอย่างเดียว ถึงเวลาสนับสนุน อาจารย์เทอดก็ให้การสนับสนุนเต็มที่ เช่น เมื่อดิฉันต้องการไปศึกษาดูงานห้องสมุดทางด้านสัตวแพทยศาสตร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ มหาวิทยาลัยคอร์แนล เพื่อกลับมาพัฒนาห้องสมุดให้ดียิ่งขึ้น อาจารย์ก็กรุณาอนุมัติงบประมาณเป็นทุนส่วนหนึ่งในการไปศึกษาดูงานครั้งนั้น
ปี พ.ศ. 2544 มีข่าววงในว่า อาจารย์เทอดจะย้ายไปบุกเบิกก่อตั้งบริหารงานที่มหาวิทยาลับแม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ทุกคนตกตลึงกับข่าวนี้ วิพากษ์วิจารณ์กันว่า อาจารย์จะทิ้งพวกเราไปได้ยังไง บ้างก็เสียอกเสียใจ น้อยใจว่าอาจารย์ไม่รักคณะสัตวแพทย์ฯ เราแล้วหรืออย่างไร บ้างก็เข้าใจอาจารย์ว่าอาจารย์ชอบงานบุกเบิกมาก และจะไปทำประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ทิ้งพวกเราเสียทีเดียว ยังคงเมตตาแวะเวียนมาหาเมื่ออาจารย์กลับมาเชียงใหม่ มาเป็นขวัญและให้กำลังใจ มาเป็นที่ปรึกษา และมาให้รดน้ำดำหัวขอพรขอขมายามเทศกาลสงกรานต์ หรือกิจกรรมวันเกิดคณะ พวกเราทราบข่าวว่าอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงอย่างมีความสุข
วันที่ 21 เมษายน 2563 ทราบข่าวจากอาจารย์ที่เคารพนับถือและเป็นผู้บุกเบิกคณะสัตวแพทยศาสตร์คนหนึ่ง กรุณาส่งข่าวว่าอาจารย์เทอดเสียชีวิตแล้วอย่างกะทันหัน ด้วยความเคารพรักความนับถือและความผูกพันที่ดิฉันและเชื่อว่าพวกเราชาวคณะสัตวแพทยศาสตร์ทุกคน ที่มีต่ออาจารย์เทอด ยังความโศกเศร้า เสียใจ และอาลัยอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ขอกราบขอบพระคุณ อาจารย์เทอด ที่มีคุณูปการ เมตตาสนับสนุนห้องสมุดและตัวดิฉันเองมาโดยตลอด
ขอถือโอกาสนี้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งมายังครอบครัวของอาจารย์เทอด เทศประทีป และขอให้อำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก โปรดนำพาดวงวิญญาณของอาจารย์ไปสู่สุคติด้วยเทอญ และแน่นอนที่สุดที่อาจารย์เทอดจะอยู่ในความคิดถึงและความทรงจำที่ดียิ่งของพวกเราตลอดไป
หัวหน้าบรรณารักษ์รุ่นแรก