คำไว้อาลัย

อาลัยพี่เทอด พี่ชายที่รักและผูกพัน

ความผูกพันในวัยเด็ก

เรามีพี่น้องด้วยกัน ๔ คน เกิดที่จ.พระนครศรีอยุธยาทั้งหมด เพราะตระกูลเราเป็นชาวกรุงเก่า  พี่อู๊ด (ไพศาล) พี่ชายคนโต และพี่น้อย (พลอากาศโท สมโภช) เป็นคู่แรกห่างกันปีเดียวแต่ห่างจากคู่ที่สอง ถึง ๑๐ ปี คือพี่เทอดและผม  เมื่อพี่อู๊ดและพี่น้อยโตขึ้นก็เข้าเรียนต่อที่กรุงเทพ พี่เทอดกับผมจึงอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่จ.พระนครศรีอยุธยา  ผมกับพี่เทอดจึงมีความรักผูกพันกันมากเราโตมาด้วยกัน  เราเป็นพี่น้องที่เป็นเพื่อนเล่นกันด้วยเรียกว่าซนกันแบบทะโมนไพร  กีฬาของพวกเราสมัยนั้นอาจจะต่างกว่าเด็กสมัยนี้  บ้านเราอยู่ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ถึง ๑๐๐ เมตร บ้านพักริมแม่น้ำส่วนใหญ่จะเป็นบ้านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดเช่น  ผู้พิพากษา  อัยการ  และตำรวจ กีฬาของพวกเราในแม่น้ำคือการว่ายน้ำไปเกาะเรือพ่วงไปไกลๆแล้วก็ว่ายกลับ (ส่วนใหญ่เรือพ่วงจะล่องตามน้ำเข้ากรุงเทพแต่เราจะเลือกเกาะเรือพ่วงทวนน้ำขึ้นเหนือ)  เพื่อตอนว่ายกลับได้ไม่เหนื่อยมาก ตอนเริ่มใหม่ๆ เมื่อเด้งตัวขึ้นจากน้ำไปจับหูกระต่ายเรือเมื่อมือพลาดก็ทำให้ตัวเราจมลง  โผล่อีกทีก็หัวกระแทกท้องเรือด้านข้างมีความตกใจแต่ด้วยสัญชาตญาณก็จะถีบน้ำให้ห่างตัวเรือออกมา  ผมเป็นเด็กชายอายุน้อยสุดประมาณ ๑๒-๑๓  ปี ก็ได้พี่เทอดนี่แหละคอยสอนแนะนำและเป็นห่วง บางครั้งเราก็เลือกก้อนหินใหญ่กว่าลูกมะพร้าวหน่อย เด็กโตหน่อยก็จะว่ายน้ำนำก้อนหินออกไปทิ้งห่างจากฝั่งประมาณ ๑๐-๑๕ มตร  แล้วให้พวกเรา ๔-๕ คนซึ่งก็มีพี่เทอดกับผมด้วยว่ายน้ำออกไปประมาณที่ทิ้งหิน  แล้วดำลงไปงม ใครงมขึ้นมาได้ก็เป็นฮีโร่ เวลาน้ำลดตามตลิ่งเป็นดินเหนียว เราก็จะแบ่งข้างแล้วเอาดินหยิบขึ้นมาประมาณกำปั้นปาใส่กัน  เข้าหน้าตาจนตาแดงกันไปตามกัน  หรือบางครั้งเราก็ตั้งกติกาเล่นเกมขี่จักรยานเก็บเหรียญสลึงบนพื้นโดยไม่ลงจากรถ  การเล่นไล่จับของพวกเราก็คล้ายลิงคือ ไล่จับกันบนกลุ่มของต้นไม้ใหญ่ตกมาเจ็บกันหลายครั้ง  แต่เราพี่น้องก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง

นอกจากนั้นที่ข้างบ้านพอดีมีค่ายมวยมาตั้ง  เราก็ถูกรุ่นพี่ๆ คอยจับคู่ชกเป็นมวยไทย ถ้าเลือดปากหรือเลือดกำเดาไม่ออกก็ไม่ยอมให้เลิกชกกัน  ทำให้ชีวิตของเราทั้งสองเข้มข้นทุกเรื่อง เราสองคนพี่น้องจะตื่นเช้าพี่เทอดจะจุดไฟเตาถ่านและหุงข้าว  ผมเองก็ขี่จักรยานไปซื้อกับข้าว เรามาช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าว ไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ทาน จะกวาดถูบ้านเรือน ทานข้าวเช้าเสร็จแล้วเอาข้าวใส่ปิ่นโตไปทานที่โรงเรียน  พี่เทอดจะสอบได้ที่ ๑ ตลอด  ผมเองชอบไปทางกีฬา ก็จะสอบได้ที่ ๑ – ๖ แล้วแต่ความขยัน  ถ้าวันหยุดเราจะนัดกันตื่นตี ๕ วิ่งออกกำลังแล้วไปเล่นฟุตบอลที่โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย พี่เทอดเป็นคนที่มีรูปร่างบึกบึนผิวเข้ม  ส่วนผมจะผอมบางและผิวขาวกว่่า นี่เป็นความประทับใจในวัยเด็กที่ผมมีต่อพี่เทอด พี่จะคอยเป็นห่วงใยดูแลในฐานะน้องเล็ก แต่ก็ให้มีความเข้มแข็งและแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ

พอช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยพี่เทอดสอบเข้าเรียนคณะสัตวแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมจบ ม.๖ (สมัยนี้คือ ม.๓) ก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร  ก่อนสอบก็ได้เข้ามากรุงเทพเพื่อกวดวิชาและฟิตร่างกายประมาณ  ๒๐ วัน  ก็ได้รับคำแนะนำจากพี่เทอดว่า “ทำอะไรต้องจริงจังและทุ่มเทให้ถึงที่สุด” ผมก็จำและฝึกฝนจนสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ ม่ีหลายช่วงที่ตอนผมอยู่เป็นนักเรียนนายร้อยปี ๔-๕ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์  ก็ออกจากโรงเรียนนายร้อยไปนอนที่หอพักกับพี่เทอด ที่ซอยจุฬาลงกรณ์ ๖๒ ที่ถนนอังรีดูนังต์  เพราะตอนนั้น คุณพ่อย้ายไปเป็นสหกรณ์จังหวัดที่ จ.อุบลราชธานี  ก็ได้อาศัยพี่เทอดคอยดูแลอย่างดี 

ความผูกพันในวัยทำงาน

พอจบเราจบต่างก็แยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่  หลังจากจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าปี  ๕ เมื่อ ๕ มกราคม  ๒๕๑๑  ผมเองอาสาสมัครไปรบในสงครามเวียดนาม ๑ ปี ตั้งแต่มิถุนายน ๒๕๑๑ พี่เทอดก็สอบชิงทุนไปเรียนปริญญาโทที่สวีเดน  และปริญญาเอกที่เยอรมัน  ปี ๒๕๑๕ ผมก็สอบชิงทุนไปเรียนบินเฮลิคอปเตอร์ที่สหรัฐเป็นเวลา ๑ ปี แต่เราจะพบปะกันบ่อยๆ  เมื่อมีโอกาส  พี่เทอดเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์  ตอนแรกๆก็มีสูบบุหรี่กันนิดหน่อยแต่ก็สูบเพื่อสังคมเท่านั้นและก็เลิกไปในที่สุด  มีเหตุการณ์ช่วงหนึ่งอดที่จะกล่าวถึงมิได้ นั่นคือประมาณต้นเดือนมิถุนายน  ๒๕๒๒  ก่อนผมเดินทางไปศึกษาที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกา พี่ๆทั้งสามครอบครัวก็นัดไปทานข้าวเลี้ยงส่งให้ผมที่ร้านสุขนที ถนนลาดปลาเค้า  ระหว่างทานข้าวและพูดคุยกันสนุกสนาน  น้ำฝนลูกสาวคนโตของผม (อายุ ๓ ขวบ) ได้ยืนขึ้นบนเก้าอี้แล้วเสียหลักตกข้ามลูกกรง ลงไปในน้ำสูงประมาณ  ๒  เมตร  แต่น้ำลึกประมาณ  ๓  เมตร  พี่เทอดเป็นคนเห็นก่อนและโดดตามลงไปทันทีในเสี้ยววินาทีนั้นเอง  ตามด้วยผมและพี่ชายอีก  ๒  คน  คนที่คว้าผมน้ำฝนไว้ได้ก่อนคือพี่เทอด ซึ่งถือว่าเป็นการตอบสนองที่ไวมากต่อเหตุการณ์ดังกล่าว  พวกเรารู้สึกซาบซึ้งในความเป็นฮีโร่โดยสัญชาตญาณของพี่เทอด  ถือว่าเป็นเหตุการณ์และการแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงทีก่อนที่เหตุการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้  สรุปงานเลี้ยงต้องเลิกราโดยอัตโนมัติ  ระหว่างผมและคุณกุ้งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา น้ำฝนและน้ำมนต์ก็อยู่ภายใต้การดูแลของพี่เทอดกับพี่อาภาและคุณย่า

ปกติพี่เทอดเป็นคนที่จิตใจโอบอ้อมอารี  รักพี่รักน้อง รักเพื่อนฝูง  เป็นคนสมถะบนความพอเพียงไม่มีความทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง  แต่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาทางวิชาการ  ทางการศึกษา  และสร้างทรัพยากรบุคคล  ซึ่งถือว่ามีคุณค่าที่สุด  พี่เทอดทำอะไรจริงจังมีหลักการ และได้พูดให้ข้อคิดกับผมซึ่งผมยังจำได้แม่นและยึดถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้คือ “ถ้าคิดจะทำอะไรแล้วรู้สึกไม่สบายใจก็อย่าทำ” ซึ่งผมก็เก็บมาคิดดูเป็นความจริงมากคือถ้ารู้สึกไม่สบายใจแสดงว่าสิ่งที่เราจะทำนั้นต้องไม่ดีแน่ อาจจะดีกับเรา  แต่อาจจะไม่ดีกับคนอื่น กับองค์กรหรือกับประเทศชาติ  ซึ่งเป็นคำพูดง่ายๆของพี่เทอดแต่มีความหมายที่ลึกซึ้ง  พี่เทอดจะเป็นคนที่มีอารมณ์ดี  ไม่เคยโกรธใคร  ไม่เคยนินทาใคร  แต่จะชื่นชมผู้อื่นเสมอๆ  จะมองโลกในแง่ดี เป็นที่พึ่งของทุกคนให้คำปรึกษาได้อย่างดี


คุณพ่อคุณแม่จะสอนพวกเราลูกๆ  เสมอถึงความซื่อสัตย์  สุจริต  เสียสละ  และจงรักภักดี  ต่อผู้บังคับบัญชา  ผู้ใต้บังคับบัญชา  ผู้ร่วมงาน  ต่อองค์กร  ประเทศชาติ  และต่อสถาบัน  ซึ่งพวกเราก็ยึดถือกันมาโดยตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนพี่เทอดเป็นรองคณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ถามเชิงปรึกษาผมว่า “ทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อยากให้พี่เทอดไปช่วยก่อตั้งคณะสัตวแพทย์และเป็นคณบดีที่นั้น” ผมตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า  “ไปเลยพี่เป็นโอกาสที่ดีที่พี่เทอดจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ไปวางรากฐานทางการศึกษาให้คณะที่เริ่มจากไม่มีอะไรเลยนี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก  จะต้องใช้ขีดความสามารถทุกด้าน  ตั้งแต่การวางแผนทุกอย่างทั้งอาคาร สถานที่และหลักสูตร  ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคน  การขอบุคลากรจากหน่วยอื่นมาช่วย ในระยะเริ่มแรกรวมทั้งการประสานของบประมาณ  จะเหนื่อยมาก  แต่จะภูมิใจ  คนรุ่นหลังจะได้เห็นเป็นแบบอย่างของการวางรากฐานที่เป็นระบบอย่างแท้จริง”

หลังจากพี่เทอดได้วางรากฐาน และระบบการศึกษาให้คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ได้อย่างสมบูรณ์เกือบ ๘ ปี  ก็ทราบว่าทางมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  จ.เชียงราย  โดย รศ.ดร.วันชัย  ศิริชนะ  ได้ขอให้พี่เทอดไปเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และวิจัย  ซึ่งพี่เทอดก็มักจะพูดชื่มชม อ.วันชัยฯ ให้ผมฟังถึงความเป็นผู้มีวิสัยทัศน์  มีความรู้ความสามารถสูง  มุ่งมั่นและเป็นนักวางแผนที่ดีเสมอๆ  พี่เทอดช่วยทำงานทุ่มเทอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  และไม่คิดย้ายไปไหน  ซื้อบ้านหลังหนึ่งบนความพอเพียงอยู่ที่ บ.ห้วยหินฝน  ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จนในที่สุดก็ได้รับความไว้วางใจจากสภามหาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง  ซึ่งพี่เทอดก็ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด  เป็นการประสบความสำเร็จในการทำงานในสายวิชาการที่สร้างทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่ายิ่ง


พูดถึงความมีน้ำใจ มีอัธยาศัย และมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของพี่เทอด จึงทำให้พี่เทอดมีเพื่อนมากทั้งวัยเดียวกันและต่างวัยมากมาย  เป็นที่รักของบุคคลเหล่านั้นและญาติสนิทมิตรสหายและเพื่อนร่วมงาน  การต้อนรับที่อบอุ่นทุกครั้งที่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องไปเยี่ยม  พี่เทอดจะมีความดีใจ  และกระตือรือร้นทุกครั้งที่ลูกหลานหรือญาติพี่น้องไปเยี่ยมเยียน  พี่เทอดจะพาไปไหว้พระและสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ  อยู่เสมอ  รวมทั้งแนะนำให้รู้จักมิตรสหายในพื้นที่  จ.เชียงราย  พี่เทอดจึงเป็นที่รักของทุกคนที่ใกล้ชิด  หรือทำงานด้วย  นอกจากนั้นเป็นที่ทราบกันดีในหมู่ญาติสนิทมิตรสหายว่าถ้ามีงานอะไรไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงาน งานทำบุญ หรืองานศพ พี่เทอดจะไม่เคยขาดการร่วมงานเหล่านี้เลย แม้จะอยู่ไกลสักเพียงใด  นี่คือน้ำใจของพี่เทอดที่พวกเราไม่อาจจะลืมเลือนได้เลย

โดยปกติผมจะโทรหาพี่เทอดประมาณทุกๆ  ๑–๒ สัปดาห์ ในช่วงหลังๆ มานี่ หรือพี่เทอดจะโทรหาผมเพื่อถามไถ่ถึงสุขภาพซึ่งกันและกัน  แต่ในเดือนมีนาคมต้นเดือนเมษายนก็คุยกันปกติ พอวันที่ ๒๑  เมษายน  ผมได้รับโทรศัพท์จากป้อม (น้องคุณกุ้งภรรยาผม) โทรมาประมาณ ๐๙.๓๐ น. บอกว่าพี่เทอดเสียแล้ว  ผมตกใจมากและไม่เชื่อรีบโทรไปหาพี่เทอดเสียงสัญญาณโทรศัพท์ติดแต่ไม่มีคนรับก็ใจหาย  คิดไม่ออกว่าเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรเพราะพี่เทอดเป็นคนแข็งแรงและอดทนมาก  และทราบว่าพี่เทอดอยู่คนเดียวมาประมาณเดือนเศษแต่ไม่ได้บอกใคร  (ปกติจะมีคนสวนคอยดูแลใกล้ชิด)  พี่เทอดหัวใจวายเฉียบพลันอย่างสงบที่บ้าน

ผม  ภรรยา และลูกๆ  รู้สึกเสียใจ  เสียดาย และอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของพี่เทอดซึ่งไม่ได้บอกลาผู้ใดเลย  สำหรับผมเองในความผูกพันที่เรามีต่อกันมายาวนานจึงเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของชีวิต  และผมพร้อมทั้งครอบครัวก็มีความรู้สึกว่าที่เทอดไม่ได้จากไปจากความทรงจำที่ดีของพวกเรา  คุณงามความดีที่พี่เทอดสร้างและสั่งสมไว้ตลอดห้วงเวลาที่มีชีวิตอยู่  คงเป็นเครื่องยืนยันของผู้ที่มุ่งมั่นทำความดีในทุกโอกาสที่จะกระทำได้  พี่เทอดทุ่มเทให้กับการศึกษาโดยเฉพาะทางวิชาการอย่างมาก  ซึ่งผู้ที่มีความใกล้ชิดกับพี่เทอดในแต่ละสถาบันการศึกษาคงจะกล่าวได้ชัดเจนกว่าผม

ในฐานะที่ผมเป็นน้องชายคนสุดท้อง  มีความภาคภูมิใจที่มีพี่ชาย ชื่อ รศ.นายสัตวแพทย์ ดร.เทอด  เทศประทีป  จะขอระลึกถึงคุณงามความดีไว้ในความทรงจำตลอดไป และจะขอสืบสานเจตนารมณ์ของพี่เทอดในความซื่อสัตย์  สุจริต  เสียสละ  และจงรักภักดีที่พี่เทอดมีให้กับบุคคลต่างๆ  ญาติสนิทมิตรสหาย  องค์กร  ประเทศชาติ  และสถาบันต่อไปจนชีวิตจะหาไม่  กับขอให้ดวงวิญญาณของพี่เทอดจงไปสู่สุคติในภพภูมิที่ดียิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ


พลเอก พงษ์เทพ เทศประทีป และครอบครัว

น้องชาย

คำไว้อาลัยท่านอื่น